ร้านทานตะวัน 0840157068

ร้านทานตะวัน 0840157068
ฝีมือฉันแต่งภาพ

3/23/2553

หนังดีลงทุนสูงแต่คนดูน้อย ( มหา*ลัยเหมืองแร่ )




มหา'ลัย เหมืองแร่ ลงทุน 70 ล้าน ได้เพียง 19 ล้าน
มหา'ลัย เหมืองแร่ เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2548
เขียนบทและกำกับโดย จิระ มะลิกุล
จากหนังสือรวมเรื่องสั้น ชุด เหมืองแร่ ของอาจินต์ ปัญจพรรค์
ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้งบประมาณสร้างสูงถึง 70 ล้านบาท
แต่ล้มเหลวด้านรายได้ ฉาย 10 วันได้รายได้เพียง 19 ล้านบาท
นักแสดงนำ
 พิชญะ วัชจิตพันธ์ รับบท .......................อาจินต์
 ดลยา หมัดชา รับบท ............................ละเอียด
 สนธยา ชิตมณี รับบท ...........................ไอ้ไข่
 นิรันต์ ชัตตาร์ รับบท ............................พี่จอน
 แอนโทนี โฮวาร์ด กูลด์ รับบท ...............นายฝรั่ง
 จุมพล ทองตัน รับบท ..........................โกต้อง
 จรัล เพ็ชรเจริญ รับบท .........................ตาแดง
 ศรชัย จุลลางกูร รับบท ........................พี่ก้อง
 สุทธิพงษ์ นุ้ยสุชล รับบท ......................พี่เหวง
เพลงประกอบ
 You Are My Sunshine ของ Jimmie Davis
 Short Trip Home ของ Edgar Mayer
 เสียงครวญจากดวงใจ คำร้อง / ทำนอง โดย สมยศ ทัศนะพันธุ์
 บุรงกากราตุอา ทำนองโดย ชัยภัค ภัทรจินดา (นิก กอไผ่)

ผู้กำกับ จิระ มะลิกุล
อำนวยการสร้าง..........จิระ มะลิกุล,ประเสริฐ วิวัฒนานนท์พงษ์,ยงยุทธ ทองกองทุน
บทภาพยนตร์ นวนิยาย:..............อาจินต์ ปัญจพรรค์
บทภาพยนตร์:...........................จิระ มะลิกุล
กำกับภาพ................................ชาญกิจ ชำนิวิกัยพงศ์
ตัดต่อ.....................................ปาน บุษบรรณ
จัดจำหน่าย..............................จีทีเอช
วันที่เข้าฉาย............................17 พฤษภาคม พ.ศ. 2548
…………………………………………………………………………………………………..
ฟันธง : มหา'ลัย เหมืองแร่ : “1 ใน 100 หนังไทยที่คนไทยควรดู"

จากภาพยนตร์ 15 ค่ำ เดือน 11 อันเป็นงานชิ้นแรกของพี่เก้ง จิระ มะลิกุล
ที่เรียกว่าสอบผ่านทำคะแนนดีจนเกือบได้เกียรตินิยม
มาถึงผลงานในเรื่องที่สองซึ่งว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว
การหยิบเอา “มหา’ลัย เหมืองแร่” ของคุณ อาจินต์ ปัญจพรรค์
มาทำเป็นหนังนั้น เห็นชัดๆ ว่าคนที่คิดจะทำถ้าไม่บ้าก็คงเมา
หรือไม่ก็คงอกหักอยากฆ่าตัวตายต่อหน้าคนทั้งประเทศกันเห็นๆ
ด้วยเหตุที่ว่าหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ทรงคุณค่าในทุกๆ ด้าน
จนเป็นยิ่งกว่าตำราเรียนประจำชาติของเด็กไทยกันเลยแบบนี้
ก่อนที่ผู้ที่คุ้นเคยกับผมจะหาว่าผมดัดจริตทำอวดรู้
ผมก็ต้องออกตัวอีกครั้งว่าผมยังไม่ได้อ่านหนังสือ
รวมเรื่องสั้นเล่มนี้ของคุณอาจินต์เลย แต่กระนั้น
ผมรับรู้เรื่องราว คุณค่า และชื่อเสียงอันเป็นที่พูดถึงมานาน
จากปัจจัยแวดล้อมรอบๆ ตัว มาตั้งแต่ผมยังเป็นนักเรียนหัวเกรียน
(ใช่ครับ มัน ‘ไม่กี่ปี’ มานี่เอง...ฮา) หากคุณเข้าไปชมหนัง
เพียงวลีแรกของคำบรรยายกับภาษาที่ใช้นั้น
คุณจะรู้ได้ทันทีว่าหนังสือเล่มนี้ “ไม่ธรรมดา”
หลังจากที่ผกก.ตามง้อตามตื้อขอซื้อเรื่องจากคุณอาจินต์อยู่นาน
จนเมื่อโครงการนี้ผ่านออกมาเป็นหนังจนสำเร็จ
ผมคงบอกได้คำเดียวว่าภาพยนตร์ มหา’ลัย เหมืองแร่
ที่สร้างจากหนังสือที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “1 ใน 100 หนังสือที่คนไทยควรอ่าน”
กลายมาเป็น “1 ใน 100 หนังไทยที่คนไทยควรดู”
อย่างเต็มภาคภูมิจากฝีมือของ จิระ มะลิกุล คนนี้
หากนำ มหา’ลัย เหมืองแร่ ไปเปรียบเทียบกับ 15 ค่ำ เดือน 11
หนังดรามาสุดยอดประทับใจเรื่องหนึ่งในชีวิตการชมหนังไทยของผมนั้น
ผมค่อนข้างประหลาดใจ (ปนดีใจ) ที่พี่เก้งทำ มหา’ลัย เหมืองแร่ ออกมา
ได้เหนือกว่าหนังเรื่องที่แล้วในทุกๆ ด้าน เห็นกันชัดๆ ว่า
มหา’ลัย เหมืองแร่ มีเรื่องราวที่นำมาเล่ายากกว่า
ด้วยความที่ต้นฉบับเป็นเรื่องสั้นร้อยกว่าตอน
หากตีโจทย์ของแก่นเรื่องไม่แตกแต่แรกแล้ว
หนังที่ออกมาคงขาดเอกภาพเละเทะออกทะเล
เล่าเรื่องนู้นมาปะเรื่องนี้กันให้วุ่นเป็นแน่
แม้ว่าช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของหนังจะออกมา
ดูเหมือนว่ามันเป็นไปแบบนั้นก็ตามที
แต่เมื่อชมต่อไปจนจบจะเข้าใจว่าพี่เก้งทำได้ดีที่สุดแล้วกับโจทย์ที่ได้รับมา
ซึ่งผลที่ออกมานั้นไม่มีเศษเสี้ยวของความน่าผิดหวังปะปนอยู่เลยแม้แต่น้อย
ผมคิดมาตลอดว่าในการวัดระดับของหนังดีกับหนังที่ไม่ดี(หรืออาจเข้าขั้นเลว)
อยู่ตรงที่คนทำใส่ใจที่จะทำการบ้านของตัวเอง
ทุ่มเทความคิดอย่างเต็มที่ และยอมเหนื่อยก่อนจะลงมือทำอย่างจริงจังหรือไม่
และกับงานที่ออกมาคงไม่ต้องบอกว่าคนทำ มหา’ลัย เหมืองแร่
ได้ทำทุกอย่างที่ผมกล่าวมาจนเต็มกำลังเท่าที่องค์ประกอบ
ในทุกๆ ด้านจะอำนวยให้แล้ว ดูกันง่ายๆ
ก็ตรงฉากขำๆ ตลกๆ ใน มหา’ลัย เหมืองแร่ ก็แล้วกัน
จะเห็นว่า ทุกๆ ความขำ ทุกๆ เสียงหัวเราะที่ผู้ชมได้รับจากหนัง
ล้วนมาจากบทภาพยนตร์ที่ดี มีการวางบุคลิกตัวละครไว้แน่นหนา
และมีมิติจนผู้ชมสัมผัสได้ และหากคุณลองสังเกตดู
อาจพบว่าไม่มีจุดขำจุดใดในหนังเลยที่เกิดจาก “มุขตลก”
ที่จงใจยัดเยียดเข้ามาเพื่อเรียกความฮาเหมือนเรา
ได้ชมกันตามคาเฟ่หรือในหนังตลกทั่วๆ ไป
ผู้ชมหัวเราะเพราะไอ้ไข่มันเป็นคนทะโมนแบบนี้
ผู้ชมขำเพราะนายจอนห่ามอย่างที่เขาเป็น
และผมแอบยิ้มเพราะว่านายอาจินต์เป็นคนซื่อที่น่าคบหา
ใช่แล้วครับ คำตอบคือ หนังทำให้ผู้ชม “ใส่ใจ”
ในตัวละครทุกๆ ตัวที่หนังพูดถึงได้ภายในครึ่งชั่วโมงแรก
ด้วยเหตุนี้ ผมถือว่าหนังประสบความสำเร็จในตัวมันเองไปเรียบร้อยแล้ว
โดยไม่ต้องรอการโกยเงินในวันแรก ไม่ต้องรอนักวิจารณ์คนไหนจะมาพูดเชียร์
เหมือนกับที่นาย อาจินต์ พบกับวิถีที่ถูกที่ควร
ในการดำเนินชีวิตแล้วจากมหา’ลัย เหมืองแร่ แห่งนี้
โดยที่ตลอดชีวิตของหลายๆ คน
ที่จบมหา’ลัยปกติอาจจะไม่ได้คิดถึงเลยด้วยซ้ำไป
ด้วยความที่ตัวหนัง “ได้ใจ” ผู้ชมไปแล้วนี่เอง
ทำให้ พี่เก้ง สนุกสนานในการลากผู้ชมทั้งโรง
ร่วมขึ้นเขาลงห้วยทางอารมณ์ไปกับตัวละครต่างๆ ที่โลดแล่นอยู่ในนั้น
น่าแปลกใจที่หนังโดยรวมออกมาในโทน comedy
สนุกสนานมากมายเกินคาด ซึ่งจุดนี้นี่เองที่ทำให้ผมเผลอคิดไปเองว่า
คำว่า “ความเก๋า” นั้นอาจถูกบัญญัติขึ้นมาเพราะคนที่คิดคำๆ นี้
เคยทำงานร่วมกับพี่เก้งมาก่อน!! ทำไมหรือครับ?
เพราะท่ามกลางความขบขันที่หนังยื่นให้ผู้ชมอยู่นั้นเอง
ณ วินาทีใดที่พี่เก้งต้องการ “ความอึ้ง” จากผู้ชม
ผมบอกได้เลยครับว่า “พี่เก้งได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้!!”
เรียกว่าทำเอาคนดูตั้งตัวไม่ติดนั่งร้องไห้ทั้งๆ ที่ยังขำไม่เสร็จอยู่ตรงนั้นเอง
...เก๋า ครับ เก๋าล้วนๆ..ไม่มีทูน่าหรือซาดีนมาเจือปนเลย
ความที่บทภาพยนตร์เขียนขึ้นมาจากเรื่องสั้นเกือบ 150 เรื่อง
จึงเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ที่ตัวหนัง
จะเหมือนเป็นการจับเอาเหตุการณ์ยิบย่อยมากมายมาตัดๆ ต่อๆ เรียงๆ กัน
จนเหมือนจะหาอารมณ์ร่วมไม่เจอ แต่ด้วยการลำดับเรื่องที่ดี
การเล่าเรื่องอย่างมีเป้าหมาย รวมถึงการแสดงชั้นยอด
จากนักแสดงหน้าใหม่เกือบทั้งหมด
ผู้ชมหลายๆ คนอาจพบว่าหนังทำให้คุณนั่งชม
พร้อมน้ำตาแห่งความสะเทือนใจในช่วงท้ายอย่างไม่มีสาเหตุ
ทั้งๆ ที่ตลอดเรื่องที่ผ่านมา ก็ยังไม่เห็นจะอินอะไร
ไปกับตัวละครตัวไหนสักเท่าไหร่เลย
...เชื่อเถอะครับ ว่าคุณอินกับหนังไปตั้งนานแล้ว
เพียงแต่โทนสนุกสนานของหนังหลอกให้คุณเชื่อว่า
คุณยังไม่ผูกพันกับมันเท่านั้นเอง
ที่กล่าวมานี้เป็นคุณค่าทางด้านความเป็นภาพยนตร์ที่ดี
ซึ่งต้องบอกว่ายังไม่ถึง 10% ของรายละเอียดที่ตัวหนังมี
ทั้งยังไม่ได้ลงรายละเอียดไปยังการถ่ายภาพเหนือมาตรฐาน
และดนตรีประกอบจากวงออเคสตร้า ที่ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยม
และเพลงธีม You are my sunshine ที่แสนน่ารักและเข้ากับเรื่องเหลือเกิน
………………………………………………………………………………………………………
ทีนี้ สิ่งสำคัญอย่างมากมายมหาศาล
ที่ทำหนัง มหา’ลัย เหมืองแร่ เป็นหนังชั้นยอด
ที่อยู่เหนือหนังชั้นเยี่ยมเรื่องอื่นๆ ขึ้นไปอีก
ขั้นคือคุณค่าทางความคิดที่สอดแทรกไว้ในเนื้อเรื่อง
โดยผมเหมารวมว่า สิ่งที่พูดถึงในหนังเกี่ยวกับวิถีทางการดำเนินชีวิต
(น่าจะ)ยกเอามาจากหนังสือทั้งหมด
คุณค่าต่อการดำเนินชีวิตที่หนังบอกกับผู้ชมล้วนแต่มีคุณค่ามากมาย
จนคิดว่าคนไทยทุกคนน่าจะเป็นหนี้บุญคุณต่อคุณอาจินต์
ไม่มากก็น้อยที่ท่านแลกปัญญาเหล่านี้มาด้วยชีวิต 4 ปีในเหมืองของท่าน
...4 ปีที่เสียไป(จริงหรือ?) ของท่าน
กับเส้นทางชีวิตที่เดินไปอย่างมีคุณค่าตลอดชีวิต
ของผู้อ่านหนังสือเล่มนี้อีกเป็นแสนๆ คน
นับว่าเป็นการแลกที่ได้กำไรเกินคาด
ที่ผมพูดแบบนี้เพราะผมเห็นในคุณค่าของบทเรียนชีวิตเหล่านี้
ไม่ว่าจะเป็นความอดทน ความถ่อมตน การให้โอกาสผู้อื่น
ไม่ตัดสินคนก่อนจะเรียนรู้เขาให้ถ่องแท้ ฯลฯ
ผมเชื่อเต็มอกว่าหากผู้ใดทำตามบทเรียนเหล่านี้อย่างเคร่งครัด
คุณไม่เพียงจะประสบความสำเร็จในเส้นทางชีวิตของคุณเท่านั้น
แต่มันจะทำให้คุณเป็นคนที่มีคุณค่าทั้งต่อตนเอง
คนรอบข้างรวมไปถึงต่อโลกใบนี้ เหมือนอย่างที่บทเรียน
ในหนังบทหนึ่งกล่าวไว้ประมาณว่า
“จงทำงานให้เต็มแรง อย่าให้ได้ชื่อว่าเราเป็นกาฝากเขา”
…คงไม่มีใครอยากเป็น “กาฝาก” ของสังคมหรือของโลกใบนี้ใช่ไหมครับ?
สุดท้าย ผมเชื่อว่าตัวหนังยังมีข้อให้ติติงอยู่บ้าง แต่ถ้าถามผม
ผมคงตอบว่า ณ ขณะที่เขียนนี้ “ผมยังนึกไม่ออก!!!”
….นอกจากนี้ผมยังเชื่อเป็นการส่วนตัวว่าจากงานที่ออกมานี้
ไม่น่าจะมีผกก.คนไหนในปัจจุบันที่จะทำมหา’ลัย เหมืองแร่
เรื่องนี้ให้ออกมามีพลัง ทรงคุณค่าและสมบูรณ์ไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
...ย้ำนะครับ “1 ใน 100 หนังไทยที่คนไทยควรดู”
ครับ...นีอุง...ลองแล้ว ยอดเยี่ยมมากครับ!!!
( บทความทั้งหมดคัดลอกจากคุณนีอุง Neunth@yahoo.com
และบางส่วนจากวิกิพีเดีย )
…………………………………………………………………………………………………
ประเภทสินค้า................วีซีดี ( หนัง )
จำนวนแผ่น...................2 แผ่น
ความยาว ....................111 นาที
เพื่อนพี่น้องท่านใดสนใจ
ในจังหวัดหรือในพื้นที่ของคุณไม่มี
สามารถสั่งซื้อกับผมได้นะครับ
ร้านทานตะวัน
ตลาดลาดปลาเค้า กม.2 รามอินทรา

โอนเงินผ่านบัญชี
นายศรัทธา จันทรดิลกวัฒนา
เลขที่บัญชี 324-1-27108-4
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขารามอินทรา กม.2ออมทรัพย์
วีซีดีหนัง มหา*ลัย เหมืองแร่ ราคา 50 บาท
รวมค่าจัดส่งแบบ EMS เป็น 115 บาท
โอนเงินมาแล้วกรุณาแจ้งให้ทราบทางเบอร์โทร 084-0157068
หรือส่งสำเนาใบโอนเงินมาที่ FAX 02-5221372
หรือจะส่งทางอีเมล์ผมก็ได้ tantawan066@gmail.com
เมื่อได้รับการยืนยันจะส่งซีดีชุดนี้ไปให้ทันทีครับ
……………………………………………………………………………………………………….

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Powered By Blogger

ป้ายกำกับ

คลังบทความของบล็อก